และแล้วลมหนาวก็โชยมา พร้อมๆกับที่คุณแม่เริ่มรื้อตู้เสื้อผ้าค้นหาเสื้อไหมพรมตัวหนาให้ลูกสวมใส่ เดือนนี้เข้าหน้าหนาวแล้วก็ยังเป็นช่วงเดือนแห่งเทศกาลแห่งความสุข  หลายบ้านเริ่มเล็งหาสถานที่ท่องเที่ยว แต่ครอบครัวส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยนิยมการท่องเที่ยวแบบ “แค้มปิ้ง” กันสักเท่าไร ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการเดินทางที่ออกจะมีเสน่ห์เฉพาะตัวอยู่ไม่น้อย 
           ลองเปลี่ยนจากการเที่ยวแบบนอนโรงแรมแสนสบาย หรือว่าพักในห้องพักที่พร้อมสรรพไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมาเป็นกางเต็นท์นอน เดินป่าสัมผัธรรมชาติดูบ้าง บางทีคุณแม่อาจจะพบว่า แท้จริงแล้วความสุขนั้นเรียบง่าย…
            หากยังไม่เคยเดินทางท่องเที่ยวแบบแคมปิ้ง แถมยังคิดว่าการท่องเที่ยวเป็นเรื่องไร้สาระ ต้องอ่านเรื่องนี้ซะแล้ว เพราะมีกิจกรรมดีๆ มานำเสนอในระหว่างการท่องเที่ยว นอกจากจะเป็นกิจกรรมสุดเก๋แล้ว ยังสร้างความผูกพันภายในครอบครัวด้วยนะ
 
จะเริ่มต้นยังไงดี ? 
        การเริ่มต้นที่สำคัญก็คือ การเตรียมตัว ซึ่งหมายรวมทั้งการหาข้อมูล และการพร้อมเพื่อไม่ให้เด็กรู้สึกลำบากใจมากนักในการไปเที่ยวแบบนี้ เพราะเด็กบางคนอาจจะสนุกในตอนแรก แต่พอถึงเวลานอนอาจจะไม่ชอบใจก็ได้ ถ้ายังไม่แน่ใจก็ลองพูดคุยกัน อ่านหนังสือเกี่ยวกับแค้มปิ้งด้วยกัน แล้วก็ทดลองกางเต็นท์นอนในบ้านหรือที่สนามหญ้าหน้าบ้านดูก่อนสักคืนสองคืนก่อนเดินทาง
ไปที่ไหนดี
        ควรจะหาข้อมูลของสถานที่มาไว้สัก 4-5 แห่ง แล้วค่อยๆ ตัดตัวเลือกออกตามความเหมาะสมและความสะดวกในการเดินทาง จนเหลือที่ถูกใจที่สุด  ซึ่งควรเลือกพวกที่เป็น “อุทยานแห่งชาติ” เพราะจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและเหมาะสำหรับครอบครัว และเป็นสถานที่ที่สามารถเดินป่าได้แบบไม่ทุกลักทุเลหรือลำบากมากนัก เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสศึกษาธรรมชาติ และเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของระบบนิเวศน์และสิ่งมีชีวิตในป่า

ข้อมูลที่ต้องรู้
- สถานที่จะไปมีที่ให้กางเต็นท์หรือไม่ ก่อกองไฟได้หรือเปล่า
- ความสะดวกในการเดินทางเป็นอย่างไร สามารถขับรถเข้าไปถึงตรงที่กางเต็นท์ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้จะต้องเดินเท้าเข้าไปมากน้อยแค่ไหน
- บริเวณใกล้ๆ กับที่จะไปกางเต็นท์มีบ้านพัก บังกะโล หรือรีสอร์ท หรือเปล่า หากฝนตกหนักจนกางเต็นท์ไม่ได้ จะได้เปลี่ยนที่พักได้ทัน 

สัมภาระที่ต้องเตรียม
 กิจกรรมที่เด็กๆ ชอบมากก็คือการทำอาหารกินเอง เพราะฉะนั้นอย่าลืมอุปกรณ์ในการปิ้งย่างเด็ดขาด นอกจากนี้แล้วเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ติดตัวไปด้วยก็จะดีค่ะ 
- ไฟฉาย บางที่ไม่มีไฟฟ้า หรือไม่ก็เป็นไฟปั่นซึ่งจะดับตอนประมาณสี่ทุ่ม ไฟฉายจะจำเป็นมาก
- ไฟแช็คและเทียนไข สำหรับการก่อกองไฟ ใช้เทียนไขเป็นเชื้อเพลิงจะจุดไฟง่ายขึ้น 
- ถุงพลาสติกใบใหญ่ เตรียมไปหลายๆ ใบ โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าไปแล้วจะต้องเจอฝน ก็ให้เอาเสื้อผ้าใส่ถุงพลาสติกก่อนหย่อนลงกระเป๋า เพื่อการป้องกันไม่ให้เสื้อเปียกในกรณีที่วางกระเป๋าไว้นอกเต็นท์
- กระดาษสำหรับวาดรูป สีเทียน สีน้ำ และสมุดบันทึก

เที่ยวยังไงให้สร้างสรรค์
         แนวความคิดในการเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ที่เราภูมิใจเสนอก็คือ การเที่ยวแบบบูรณาการ ซึ่งหมายถึงการรวมเอาแนวความคิดหรือองค์ความรู้ของแต่ละศาสตร์(วิชา) มาผสมผสานกันในระหว่างการทำกิจกรรมการเดินป่า ซึ่งเราแนะนำให้คุณคุยกับทางเจ้าหน้าที่ของอุทยานเพื่อให้เขาเป็นคนนำทางพาเดินท่องป่า (ส่วนใหญ่จะมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว) 

บูรณาการผ่าน “ใบไม้”
       เด็กจะได้เห็นและได้สัมผัสกับใบไม้หลากหลาย ไล่ไปตั้งแต่ต้นหญ้าเล็กๆ ดอกไม้ดอกเล็กๆ ไปจนถึงต้นไม้ยืนต้นใหญ่ๆ ในระหว่างที่เดินป่า ให้เด็กเก็บใบไม้ที่ตกอยู่ตามพื้นให้ได้หลากหลายที่สุด (ถ้าจะให้ดีมีสมุดจดด้วยว่าเก็บใบอะไรมาบ้าง) จะเล่นเป็นเกมแข่งกันก็ได้ ว่าใครจะเก็บได้มากที่สุด จากนั้นก็เอามาทำกิจกรรมต่อ สิ่งที่เราให้กับเด็กได้ก็เช่น ด้านศิลปะ การใช้ใบไม้สร้างงานศิลปะทำได้ง่ายมาก แต่คุณต้องเตรียมสีน้ำไปด้วย ใช้สีน้ำป้ายบนใบไม้ แล้วไปทำภาพพิมพ์บนกระดาษที่เตรียมมา หรือจะใช้พวกกิ่งไม้ หรือดอกไม้มาทำด้วยก็ได้ แล้วแต่ว่าเด็กอยากจะใช้วัสดุอะไร แต่อย่าเด็ดจากต้นก็แล้วกัน  หรือจะเป็น  คณิตศาสตร์ การนับใบไม้ที่เก็บได้ แล้วเอามาเปรียบเทียบกัน จากนั้นอาจจะช่วยกันคำนวณคร่าวๆ  โดยคุณแม่ช่วยกระตุ้นให้เด็กคิดตาม เช่น “วันนี้เราเดินป่ากันมาประมาณ 8 กิโลเมตร เราเก็บใบไม้รวมกันได้ประมาณ 30 ชนิด สมมติว่าป่าผืนนี้มีสัก 500 ตารางกิโลเมตร ลูกว่าเราจะคำนวณได้ไหมว่าแต่ละวันจะมีใบไม้ร่วงสักกี่ใบ”

บูรณาการผ่าน “ปุยเมฆ”
 ร้อยทั้งร้อย เชื่อว่าเด็กๆ ชอบดูปุยเมฆแล้วจินตนาการแข่งกันว่าเมฆก้อนที่เห็นเป็นรูปอะไร ลองหาช่วงเวลาบ่ายๆ ปูเสื่อนอนใต้ต้นไม้ใหญ่ นอนคุยกัน แล้วชวนกันดูเมฆบนท้องฟ้า แค่นี้ก็ได้อะไรเยอะแยะ

บูรณาการผ่าน “สัตว์ป่า”
- ระบบนิเวศน์และห่วงโซ่อาหาร ไม่มีที่ไหนจะสอนให้เด็กเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีเท่าในป่าอีกแล้ว เพราะเด็กได้เห็นจริง และได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติจากประสบการณ์ตรง
- ภาษาและศิลปะ เวลาเห็นสัตว์อะไรแล้ว ลองชวนกันเล่นเป็นเกมนึกคำภาษาอังกฤษแข่งกัน หรือจะถามให้ลูกตอบก็ได้ แล้วอย่าปล่อยให้สมุดบันทึกว่างล่ะ เจอสัตว์ชนิดไหนก็ชวนกันจดบันทึกเอาไว้ พยายามให้เด็กวาดภาพประกอบในการจดด้วยก็จะเป็นการดี บูรณาการผ่านกิจกรรมแสนสนุก
 
กางเต็นท์ : กางเต็นท์เป็นกิจกรรมที่เด็กชอบอยู่แล้ว ตอนกางน่ะสนุกสนาน แต่เวลานอนนี่สิ ถ้าไม่ได้เตรียมความพร้อมมาก่อนตั้งแต่แรก ก็อาจจะมีการงอแงได้ ซึ่งคุณอาจจะทำเป็นเหมือนเล่นเกมผจญภัย ว่าเรากำลังผจญภัยอยู่ในป่านะ แล้วก็นอนบนผืนดิน แหงนหน้าขึ้นไปก็เห็นดาวไง ตื่นเต้นดีออก
ทำอาหาร : การเดินทางที่มีเด็กไปด้วยแบบนี้ การทำอาหารก็คงเป็นพวกบาบีคิวหรือต้มน้ำชงนม ชงกาแฟ พอให้เป็นสีสันของการเดินทาง สำหรับเด็กแล้วการได้ก่อกองไฟด้วยตัวเอง คอยเติมกิ่งไม้เพื่อเป็นเชื้อเพลิง จนกระทั่งบาบีคิวสุก เท่านี้ก็เป็นประสบการณ์ที่แสนสนุกแล้วล่ะค่ะ แต่ในขั้นตอนต่างๆ คุณสามารถสอนแบบ “บูรณาการ” ได้เหมือนกับกิจกรรมการเดินป่าเช่นกัน เช่นสอนวิทยาศาสตร์ผ่านกองไฟ เรื่องความร้อนและอุณหภูมิ
กิจกรรมรอบกองไฟ : กิจกรรมที่เล่นได้ เช่น เล่านิทาน, เล่าเรื่องตอนพ่อกับแม่เป็นเด็กๆ หรือจะชวนกันปูเสื่อนอนดูดาว ซึ่งหากว่าคุณมีแผนที่ดาวติดตัวไปด้วยก็จะดีค่ะ อย่าลืมบอกเด็กว่าด้วยความบริสุทธิ์ของอากาศของป่าเขา ก็เลยทำให้เราเห็นดวงดาวได้มากมายแบบนี้ หรือถ้าหากคุณพ่อหรือคุณแม่เล่นดนตรีเป็นก็อาจจะร้องเพลงกันก็ได้
 
           ความจริงแล้ว สิ่งที่เรายกตัวอย่างมาทั้งหมดนี้ ไม่จำเป็นว่าคุณแม่จะต้องพากันสะพายเป้แล้วชวนกันไปเที่ยวป่าก็ได้ อาศัยว่าช่างคิด ช่างสังเกต แล้วก็ใส่ใจกับคำถามของลูกมากขึ้นอีกสักหน่อย
 ทั้งความหม่นหมองและความสวยงามรอบตัวก็สามารถเป็นบทเรียนดีๆ ได้เหมือนกันคะ