WST : รบกวนพี่เล่าขั้นตอนการไปเตรียมตัวไปเรียน และทำงานให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ
PJip : สบายมากคะ ทำไมจะไม่ได้ ก็เริ่มแรกเราก็ติดต่อไปที่โรงเรียนที่เราอยากจะไป
เรียนนะคะ ติดต่อด้วยตนเองก็ได้ ติดต่อผ่านเอเย่นต์ก็ได้ เลือกได้ตามใจชอบ แต่
พี่เลือกติดต่อผ่านเอเย่นต์เพราะเขาสามารถช่วยเรื่องการเตรียมเอกสารของเรา
ได้มาก เราไม่ต้องค่อยตามเรื่องกับทางโรงเรียนโดยตรง และที่สำคัญเราจะด้
ข้อมูลที่เราควรรู้จากเอเ่ย่นต์เยอะมาก แต่ถ้าติดต่อเองก็คือไม่ต้องเสียค่านายหน้า
แต่ถ้าคิดค่าใช้จ่ายโดยรวมก็พอๆ กับติดต่อผ่านเอเย่นต์แหละคะ เพราะ ไหนจะค่า
โทรศัพท์ ค่าอะไรต่อมิอะไรจิปาถะเยอะแยะไปหมด ขั้นต่อมาพอข้อมูลต่างๆ
เรียบร้อย ทางโรงเรียนก็จะส่งข้อสอบมาให้เราเพื่อทำสอบแล้วส่งกลับไปเพื่อดู
พื้นฐานภาษาของเรา ถ้าปานกลาง-ดีมาก เราก็เรียนแค่ 1 เดือนก็พอ แต่ถ้าไม่ดี
ทางโรงเรียนจะพิจารณาว่าเราควรเรียนกี่สัปดาห์ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนไป
ทำงาน จากนั้นพอทางโรงเรียนพิจารณารับเราเข้าเรียนแล้ว เขาก็จะส่งเอกสาร
สำคัญมากมายมาให้เราเพื่อไปสู่ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า อันนี้เอเย่นต์จะช่วยเราได้
มาก เพราะเขาจะช่วยเรากรอกทำให้ข้อมูลของเราดูน่าเชื่อถือขึ้น เขามีเทคนิค แต่
เดี๋ยวนี้การขอวีซ่าอังกฤษยากขึ้นมาก เข้มงวด และละเอียด ถ้าผ่านตั้งแต่ครั้งแรก
ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าถูกเรียกสัมภาษณ์ ทางเอเย่นต์ก็จะเรียกเราเข้ามาฝึกการตอบ
คำถาม บุคลิก และเรื่องต่างๆ เขาช่วยอย่างเต็มที่จริงๆ ตอนพี่ขอพี่ผ่านฉลุย แต่
เพื่อนพี่ไม่ผ่าน โดนเรียกสัมภาษณ์แล้วเพื่อนพี่เขาไม่มาฝึกก่อนไปสัมภาษณ์ มันก็
เลยไปแบบเล่นๆ ชิวๆ ก็เลยนั้นแหละไม่ผ่านเลย ของแบบนี้ต้องได้ผู้เชี่ยวชาญ
ช่วย ทำเองไม่ได้หรอกคะ เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบไหน
WST : ตอบยาวเชียวคะ นี้หมดขั้นตอนแล้วหรือคะ ฟังๆ แล้วก็ไม่ยากนี้คะพี่
PJip : ยังจ้า ไปเมืองใหญ่รายละเอียดก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา แล้วถ้าผ่านวีซ่าแล้วก็ที่
เหลือก็ไม่ยากแล้วแหละ ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการเตรียมตัวของเราแหละ เออลืม
บอกไปตอนพี่ลงทะเบียนเรียนอ่ะ พี่เลือกแบบแซนด์วิซเรียนกับทำงาน พี่ได้เรียน
แค่ 1 เดือน และทำงาน 5 เดือน พี่ก็จัดคอร์สพี่แบบนี้ เรียน 3 สัปดาห์ 5 เดือน 1
สัปดาห์ แต่ตรงนี้เราสามารถเลือกจัดหลักสูตรแบบไหนก็ได้ตามใจเรา แต่พอ
ทำงานเสร็จแล้วต้องกลับมาเรียนต่ออย่างน้อย 1 สัปดาห์
WST : แล้วพอเรียนจบแล้ว เราจะได้อะไรคะ
PJip : ก็ได้เกียรติบัตร (Certificate) จากโรงเรียนซึ่งได้การรับรอง และตรวจคุณภาพจาก
British Council คะ รับรองคุณภาพเขารับรองได้ นอกจากนี้ยังได้หนังสือรับรอง
ความสามารถทางภาษาของเราด้วย รับรองถ้าได้ไป ยังไงๆ ภาษาเราก็ต้องดีขึ้น
WST : พี่จิ๊บใช้อะไรในการตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนี้คะ มั่นใจมากน้อยแค่ไหน
PJip : บริษัทวัฒนาสาธิต ซทัดดี้ ทัวร์ จำกัด เขาได้จดทะเบียนขึ้นกับการท่องเที่ยว
ถูกต้อง นี้คืออย่างแรกที่ไว้ใจได้ สองโรงเรียนที่พี่ไปเรียนมีตัวตนแท้จริง พี่โทร
เชคคุยกับทางโรงเรียนเลยว่าพี่ได้รับการตอบตกลงให้เข้าเรียนจริงหรือไม่ บริษัท
นี้เขามีโรงเรียนอนุบาลด้วย ดูได้ในเวบไซต์ http://www.wattanasatit.com/
แค่นี้น่าจะพอมั้งคะได้การตัดสินใจ
WST : พอไปถึงแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ
PJip : ก็สนุกดีคะ ที่โรงเรียน เขามีอุปกรณ์การเรียนการสอนครบครันมาก พี่เรียนเฉพาะ
ช่วงเช้า ช่วงแรกๆ ช่วงบ่ายพี่ก็เข้าห้อง Self จำชื่อเต็มๆ ไม่ได้อ่ะ แต่มันเป็นต้องที่
เราเข้าไปเรียนด้วยตนเอง ก็มีทั้งเทปเนื้อหาทั่วไป และเทปเพลง แต่ที่พี่ชอบสุดๆ
เลยคือเทปนวนิยาย ซึ่งเราสามารถเลือกว่าจะอ่านเอง หรือจะฟัง เพราะมีทั้ง
ตัวหนังสือ และตัวเทป แล้วก็มีห้องอินเตอร์เนต แต่เพราะว่ามีหลายเครื่องเนตก็
เลยค่อนข้างช้า แต่ถ้ามีโน๊ตบุคไปเอง เขาก็มาสายต่อเนตแยกออกมาให้เรา เราก็
เอาเครื่องเราไปใช้ได้ ส่วนช่วงอาทิตย์สุดท้ายก่อนไปทำงาน ด้วยความที่คล่อง
แล้วไง เลยเที่ยวอย่างเดียวเลย โรงเรียนตั้งอยู่ห่างจากย่านช้อปปิ้งประมาณ 20
นาที เพราะคนที่นี้ขับรถช้า เขาจำกัดความเร็วอ่ะคะ แต่ก็สะดวกสบายดีทุกอย่าง
คะ จากโรงเรียนเดินไปทะเลก็ประมาณ 10 นาทีเดินแบบชิวๆ
WST : แล้วเรื่องงานล่ะคะ
PJip : ใจร้อนจัง กำลังจะเล่านี้แหละคะ ก็พอพี่ไปเีรียนพี่ถึงทราบข่าวเรื่องการไปทำงาน
เขาไม่สามารถแจ้งที่เมืองไทยได้ทันที แต่รับรองว่ามีที่ทำงานแน่ๆ แล้วก็เป็นงาน
ด้านการโรงแรม คือทางโรงเรียนเขาจะเป็นคนติดต่อหาที่ทำงานให้เรา ก่อนที่เขา
จะรับเราเข้าทำงาน เราต้องโทรไปสัมภาษณ์เพื่อพูดคุยกับเขาก่อน รับฟังข้อมูล
ต่างๆ รายละเอียดการทำงานจากทางโรงแรม ฝรั่งเขาจะดีตรงที่งานเบา เขาก็จะ
บอกเราว่าหนัก ประมาณว่ามันหนักหนามากนะ จะทำได้ไหม ถ้าเราคิดว่าไม่เหลือ
บ่ากว่าแรง เราก็ตอบไปเลยว่าทำได้ แต่พอได้ทำจริงๆ มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่
ก็อ่ะนะ งานก็คืองาน มีบ้างที่นั่งสบายๆ แล้วก็มีบ้างที่ยุ่งขนาดไม่มีเวลาเข้าห้องน้ำ
WST : แล้วตอนทำงานเป็นอย่างไรบ้างคะ
PJip : ช่วงที่พี่ไปมันใกล้ปิดเทอมซัมเมอร์ของเขาแล้ว ปิดตั้ง 8 สัปดาห์แหนะ มันเป็น
อะไรที่ยุ่งมากๆ มหายุ่งเยอะ พี่ทำงาน 6 วัน ได้เดย์ออฟ 1 วัน แต่ละวันก็ทำงาน
ไม่เหมือนกัน มันทำเป็นกะ วันไหนทำเช้าก็เริ่ม 8 โมงเช้าถึงเที่ยงๆ หรือคนงาน
ช่วงเช้าเสร็จ ถ้าเริ่มเที่ยงก็ทำถึงบ่ายสี่โมง แต่ทุกวันที่ทำงาน ไม่ว่าจะเริ่มเช้า หรือ
เที่ยงพี่ต้องกลับมาทำงานอีกทีตอนห้าโมงเย็น ช่วงสัปดาห์แรกๆ ที่เริ่มงานนะ มัน
เป็นอะไรที่โหดมากๆ เพราะเราไม่รู้งาน ภาษาตอนไปแรกๆ หูมันยังไม่ชินไง พี่ก็
เลยไปโอดครวญกับผู้จัดการ เขาก็บอกว่าเออไม่ต้องกังวล เดี๋ยวมีเทรนแน่นอน พี่
ก็โอเค พอเทรนแล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น คล่องตัวขึ้น พอทำไปทำมาเริ่มชิน ก็เก่งเลย
คนเอเชียจะทำงานขยันกว่าคนทางยุโรป อันนี้ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แต่เจ้าของ
โรงแรมเขาบอกมาแบบนี้อ่ะ เพราะตอนพี่ไปมันเป็นช่วงที่เขาได้พนักงานใหม่มา 2
คนคือพี่กับคนไต้หวัน
WST : พี่ทำอะไรบ้างคะที่โรงแรม แล้วเคยมีปัญหากับลูกค้าบ้างหรือเปล่า
PJip : ปัญหากับงานบริการมันเป็นของคู่กันคะคุณน้อง ช่วงแรกๆ อ่ะมีแต่ก็เพราะเรา
ตื่นเต้นอ่ะแหละ มันก็มีบ้างที่ทำน้ำหก แต่ไม่ได้ใส่ลูกค้านะ หกบนโต๊ะเฉยๆ ก็เอา
ขวดใหม่มาเปลี่ยนให้ แล้วก็ขอโทษขอโพยเขาเยอะๆ ฝรั่งเขาใจดี เขาก็ OK,
dont worry แค่นี้เราก็สบายใจ แต่มีอยู่ทีหนึ่งมันเป็นอะไรที่ร้ายแรงมากๆ คือมัน
เป็นช่วงที่ยุ่งสุดๆ พี่ทำงานตอนกลางวัน กับผู้จัดการสองคน แล้ววันนั้นคนเยอะ
จริงๆ ตอนเสิร์ฟอาหารเลยมาทีละจาน สองจานไม่ได้ มันต้องมาทั้งถาด แล้วเจ้า
กรรม ใครก็ไม่รู้ดันปิดประตูที่กั้นระหว่างตัวห้องอาหาร กับบาร์ คือมันมีประตู 2
บานคู่ บานหนึ่งเปิดไว้ อีกบานปิด เราก็มาหนักๆ เลยเตะไปอย่างแรงกะว่าพ้นแน่ๆ
แต่ประตูมันดันตีกลับมา กระแทกถาด อาหารหกหมดเลย น้องเอ๊ยในใจนะโดนด่า
แน่ๆ แถมต้องโดนตัดเงินด้วย ซวยจริงๆ แล้วก็เก็บกวาดเรียบร้อย ผู้จัดการก็เรียก
ไปคุย เขาก็ไม่ได้ว่า หรือดุด่าอะไรนะ จริงๆ เขาบอกว่า จิ๊บ รู้หรือเปล่าว่าทำไมมัน
ถึงได้หก หนึ่ง เดินให้ช้าลง สอง ทำให้ช้าลง สาม ครั้งต่อไป อย่าลืมเปิดประตูทิ้ง
ไว้ ไปทำงานต่อ ไม่ต้องกังวล เราก็อึ้งๆ อ่ะ ไม่ด่าเลยสักคำ พอเข้ามาในครัว
เพื่อนๆ เขาก็ เฮ้ยไม่ต้องเครียดนะ เรื่องธรรมดามันต้องมีบ้าง ทุกคนในครัวเนี้ยะ
ต้องมีสักครั้ง เราก็เออ โอเค จากนั้นเราก็พยายามทำให้ดีที่สุด และผิดพลาดให้
น้อยลง พี่ทำงานทุกอย่างเลย ตั้งแต่ทำความสะอาดห้องน้ำ ไปจนถึงเสิร์ฟ
เครื่องดื่มที่บาร์ เครื่องดื่มมันเป็นอะไรที่ยากมากๆ เพราะเป็นคนไม่ดื่มของพวกนี้
ชื่อก็จำย๊ากยาก แต่บางอันก็เคยได้ยินมาบ้าง ลูกค้าแต่ละคนดื่มไม่เหมือนกัน
แรกๆ ไม่อยากทำเลย แต่ถูกเรียกขึ้นไปเสิร์ฟที่บาร์บ่อย โดยเฉพาะตอนกลางวัน
ในที่สุดก็ชอบ และก็คล่องขึ้นเยอะ แต่ถ้าลูกค้าเยอะนะ มือสั่นเลย เสิร์ฟไม่ทัน แต่
มันก็เป็นประสบการณ์ดีๆ ที่ถ้ามีโอกาสก็อยากไปทำอีกอ่ะ สนุกนะจริงๆ
WST : พี่ได้อะไรจากโครงการนี้บ้างคะ
PJip : ที่ได้แน่ๆ และเต็มๆ เลยนะคะ ประสบการณ์คะ และทักษะทางด้านภาษาที่
พัฒนาขึ้น ส่วนผลพลอยได้ที่ได้มาโดยบังเอิญก็เพียบคะ เพื่อนๆ ความรักความ
ผูกพันที่ได้จากทุกคนที่รู้จักเราตอนทำงาน มันประทับใจจริงๆ นะ ที่แรกเราก็คิดว่า
เราก็แค่เด็กฝึกงานคนหนึ่ง เราจะไปจะมาคงไม่มีใครสนใจ แต่ไม่ใช่เลยคะ พอพี่
จะกลับนะ เขาจัดก็ไม่ถึงขั้นงานเลี้ยงส่งหรอก แต่เจ้าของอ่ะเขาเปิดเครื่องดื่มฟรี
ให้พนักงานทุกคน แล้วของพี่อ่ะดื่มฟรีตลอดงาน ซึ่งปกติพี่ไม่ดื่มอยู่แล้ว เขาก็ยัด
เยียด พี่ก็ดื่มบ้าง แต่คราวนี้โอเค ไหนๆ ก็วันสุดท้ายแล้ว ดื่มเต็มที่เลย แต่ไม่เมา
นะ ดื่มแบบคอกเทลอ่ะ เป็นอะไรที่แบบเราใจหายอ่ะ แปบเดียวเองนะ 6 เดือนแล้ว
จะกลับบ้านแล้ว ใจหายจริงๆ
WST : มีอะไรจะแนะนำ พี่ๆ น้องๆ ที่สนใจโปรแกรมนี้ไหมคะ
PJip : ถ้าน้องไม่สนใจเรื่องงานหนักงานเบานะคะ โปรแกรมนี้ดีมากๆ น้องจะได้อะไร
หลายอย่างจากการเข้าโปรแกรมนี้โดยที่น้องไม่รู้ตัว ถ้ามีอะไรอยากรู้เพิ่มเติมก็เข้า
มาคุยกับพี่ได้นะคะ พี่ยินดีให้คำแนะนำ ไม่จำเป็นต้องไปกับบริษัทนี้ก็ได้ ไม่ว่า
น้องจะไปกับบริษัทไหนพี่ก็ยินดีให้คำปรึกษาคะ 089-111-2564, 085-164-9845